CFDs are complex instruments and come with a high risk of losing money rapidly due to leverage. 62% of retail investor accounts lose money when trading CFDs with this provider.

You should consider whether you understand how CFDs work and whether you can afford to take the high risk of losing your money.

Please be advised that our Client Portal is scheduled for essential maintenance this weekend from market close on Friday 5th April, 2024, and should be back up and running before markets open on Sunday 7th April, 2024.

เรายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าเรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเดต Client Portal เพื่อมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงประสบการณ์ของคุณกับเรา
Client Portal จะไม่พร้อมให้คุณใช้งานตั้งแต่ตลาดปิดใน วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 และควรสำรองข้อมูลและทำงานก่อนตลาดเปิดให้บริการใน วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567

CFDs are complex instruments and come with a high risk of losing money rapidly due to leverage. 62% of retail investor accounts lose money when trading CFDs with this provider.

You should consider whether you understand how CFDs work and whether you can afford to take the high risk of losing your money.

Search
Close this search box.

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับรูปแบบกราฟในการพยากรณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

ซีรี่ส์การวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับผู้ค้าระดับกลาง

เขียนโดย Aaron Akwu, Head of Education Hantec Markets

สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    รูปแบบกราฟมีส่วนสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคในโลกของการเทรด forex และหุ้น การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นกระบวนการวิเคราะห์ข้อมูลตลาดในอดีต เช่น ราคาและปริมาณ เพื่อระบุแนวโน้มและรูปแบบที่สามารถช่วยคาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต

    รูปแบบกราฟ (Chart Patterns) คือการวิเคราะห์ทางเทคนิคประเภทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการดูรูปแบบกราฟหุ้นหรือสกุลเงินเพื่อหาโอกาสในการเทรดที่เป็นไปได้ รูปแบบเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการเคลื่อนไหวของราคาตามเวลาที่เปลี่ยนไป และช่วยให้เทรดเดอร์คาดการณ์การเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคตได้อย่างแม่นยำในระดับหนึ่ง

    เหตุใดการจดจำรูปแบบกราฟจึงสำคัญต่อเทรดเดอร์

    การจดจำรูปแบบเป็นทักษะที่จำเป็นต่อเทรดเดอร์ และสร้างความแตกต่างในความสำเร็จหรือล้มเหลวได้อย่างมีนัยสำคัญ การจำจดรูปแบบมีความสำคัญต่อการเทรดด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

    ในฐานะเทรดเดอร์ คุณต้องทำการตัดสินใจโดยอิงจากแนวโน้มของตลาด การวิเคราะห์ทางเทคนิค และปัจจัยสำคัญอื่นๆ คุณต้องวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล รวมถึงการเคลื่อนไหวราคา ปริมาณการเทรด และความเชื่อมั่นในตลาด นี่คือจุดที่การจดจำรูปแบบมีความสำคัญ

    เทรดเดอร์สามารถระบุรูปแบบที่อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้ม การทะลุกรอบราคา (Breakout) หรือความต่อเนื่องของแนวโน้มปัจจุบันได้จากการศึกษากราฟราคาในอดีต รูปแบบเหล่านี้สามารถช่วยให้เทรดเดอร์คาดการณ์ได้ดีขึ้น และตัดสินใจเทรดโดยอิงจากข้อมูลตัวอย่างเช่น

    เทรดเดอร์ที่จดจำรูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders Pattern) อาจคาดการณ์ได้ว่าราคาจะกลับตัวและเปิดสถานะขาย ในขณะที่เทรดเดอร์ที่จดจำรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้นอาจคาดการณ์ว่าราคาจะทะลุกรอบและเปิดสถานะซื้อ

    การจดจำรูปแบบยังสามารถช่วยให้เทรดเดอร์จัดการความเสี่ยงได้ เทรดเดอร์สามารถหลีกเลี่ยงการเทรดที่มีความเสี่ยงสูงและปกป้องเงินทุนของตนได้ด้วยการระบุรูปแบบที่ส่งสัญญาณการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้น ในทางกลับกัน หากเทรดเดอร์จดจำรูปแบบที่ทำกำไรได้ จะทำให้ทำกำไรได้มากขึ้นและเพิ่มผลตอบแทนได้

    ประเภทของรูปแบบกราฟ:

    รูปแบบกราฟมี 3 ประเภทหลัก ได้แก่ รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) รูปแบบการกลับตัว (Reversal Patterns) และรูปแบบที่เป็นไปได้สองทาง (Bilateral Patterns)

    รูปแบบต่อเนื่อง (Continuation Patterns) :

    รูปแบบต่อเนื่องเป็นรูปแบบกราฟที่บ่งชี้ว่าหุ้นหรือตลาดมีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไปตามแนวโน้มปัจจุบัน รูปแบบเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากการหยุดชั่วคราวหรือช่วงรวมฐาน รูปแบบต่อเนื่องทั่วไป ได้แก่ รูปแบบธง (Flag Pattern) รูปแบบชายธง (Pennant Pattern) และเวดจ์แพทเทิร์น (Wedge Pattern)

    รูปแบบธง (Flag Pattern) เกิดขึ้นเมื่อราคาของหุ้นหรือตลาดทะลุออกจากรูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กที่คล้ายกับธง ซึ่งบ่งชี้ว่าแนวโน้มจะยังคงดำเนินต่อไปในทิศทางเดิม

    รูปแบบชายธง (Pennant Pattern) คล้ายกับรูปแบบธง แต่กราฟจะเป็นรูปสามเหลี่ยมเล็กๆ แทนที่จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการรวมฐานชั่วคราวก่อนที่แนวโน้มจะดำเนินต่อไป

    เวดจ์แพทเทิร์น (Wedge Pattern) คือชุดของเส้นแนวโน้มที่เบนเข้าหากัน ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของแนวโน้มปัจจุบันก่อนที่จะดำเนินต่อไปในทิศทางเดิม

    รูปแบบกลับตัว (Reversal Patterns):

    ในทางกลับกัน รูปแบบกลับตัวบ่งชี้ว่าหุ้นหรือตลาดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนทิศทางไป รูปแบบเหล่านี้มักเกิดขึ้นหลังจากเกิดแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลงเป็นเวลานาน รูปแบบกลับตัวที่พบได้ทั่วไป ได้แก่ รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders Pattern) รูปแบบดับเบิลท็อป (Double Top Pattern) และรูปแบบดับเบิลบอททอม (Double Bottom Pattern)

    รูปแบบหัวและไหล่ (Head and Shoulders Pattern) ตั้งชื่อตามความคล้ายคลึงกับหัวที่มีไหล่สองข้าง เป็นการบ่งชี้ว่าหุ้นหรือตลาดขึ้นถึงจุดสูงสุดและมีแนวโน้มที่จะเริ่มลดระดับลง

    รูปแบบดับเบิลท็อป (Double Top Pattern) เกิดขึ้นเมื่อราคาขึ้นถึงจุดสูงสุดสองครั้ง แต่ไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านได้ ซึ่งบ่งชี้ถึงการกลับตัวของแนวโน้มที่เป็นไปได้

    รูปแบบดับเบิลบอททอม (Double Bottom Pattern) ตรงข้ามกับรูปแบบดับเบิลท็อป (Double Top Pattern) บ่งชี้ว่าหุ้นหรือตลาดได้ลงถึงจุดต่ำสุดสองครั้งแต่ไม่สามารถทะลุผ่านแนวรับได้ ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้มที่เป็นไปได้

    รูปแบบที่เป็นไปได้สองทาง (Bilateral Patterns):

    รูปแบบที่เป็นไปได้สองทางไม่มีข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนถึงความต่อเนื่องหรือการกลับตัวของแนวโน้ม รูปแบบเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งแบบสมมาตร เช่น รูปแบบสามเหลี่ยม (Triangle Pattern) หรือแบบอสมมาตร (Asymmetrical) เช่น รูปแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า (Rectangle Pattern) รูปแบบเหล่านี้มักบ่งบอกถึงช่วงเวลาที่ตลาดมีความไม่แน่นอน ช่วงเวลาที่เทรดเดอร์และนักลงทุนต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมก่อนที่จะตัดสินใจ

    เส้นแนวโน้มต่างๆ

    เส้นแนวโน้มเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้เพื่อระบุและติดตามทิศทางของแนวโน้มในตลาด forex  เส้นแนวโน้มคือเส้นตรงที่เชื่อมจุดราคาบนกราฟตั้งแต่สองจุดขึ้นไป จุดราคาเหล่านี้มักสวิงสูงหรือสวิงต่ำ ซึ่งแสดงถึงระดับแนวรับหรือแนวต้านที่สำคัญ

    ในรูปแบบกราฟ เส้นแนวโน้มสามารถใช้กำหนดแนวโน้มโดยรวมของคู่สกุลเงินได้ ถ้าเส้นแนวโน้มลาดขึ้น แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้น ในขณะที่ถ้าเส้นแนวโน้มลาดลง แสดงว่าเป็นแนวโน้มขาลง

    เทรดเดอร์สามารถใช้เส้นแนวโน้มเพื่อระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ในตลาด รวมถึงกำหนดระดับจุดตัดขาดทุนและจุดทำกำไรได้

    ในการวาดเส้นแนวโน้ม ก่อนอื่นเทรดเดอร์ต้องระบุจุดสวิงสูงสุดหรือต่ำสุดที่มีนัยสำคัญตั้งแต่สองจุดขึ้นไปบนกราฟ จุดเหล่านี้ควรอยู่ห่างกันมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ยังคงสร้างเป็นแนวเส้นที่ชัดเจน จากนั้นให้ลากเส้นแนวโน้มด้วยการเชื่อมจุดสองจุดเข้าด้วยกัน และลากเส้นแนวโน้มนั้นออกไปทางด้านขวาของกราฟ

    เมื่อลากเส้นแนวโน้มแล้ว เทรดเดอร์สามารถใช้เส้นนี้เพื่อระบุแนวรับหรือแนวต้านที่เป็นไปได้ ในแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์อาจพิจารณาซื้อใกล้กับเส้นแนวโน้มที่อาจเป็นระดับแนวรับ ในแนวโน้มขาลง เทรดเดอร์อาจพิจารณาขายใกล้เส้นแนวโน้มที่อาจเป็นระดับแนวต้าน

    ประเภทของแนวโน้ม:

    ในตลาด forex มีแนวโน้มหลักสามประเภท ได้แก่ แนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) แนวโน้มขาลง (Downtrend) และแนวโน้มที่ไม่มีทิศทางที่แน่นอน (Sideways)

    • แนวโน้มขาขึ้นเกิดขึ้นเมื่อราคาของคู่สกุลเงินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเวลาผ่านไปซึ่งหมายความว่าสกุลเงินจะแข็งค่าขึ้นและมีค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆในคู่สกุลเงินนี้เทรดเดอร์ที่วิเคราะห์ได้ว่าเป็นแนวโน้มขาขึ้นมักจะมองหาโอกาสในการซื้อโดยหวังว่าจะได้กำไรจากราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
    • แนวโน้มขาลงเกิดขึ้นเมื่อราคาของคู่สกุลเงินลดลงอย่างต่อเนื่องตามเวลาที่ผ่านไป ซึ่งหมายความว่าสกุลเงินหนึ่งจะอ่อนค่าลงและมีค่าน้อยลงเมื่อเทียบกับอีกสกุลเงินอื่นหนึ่งในคู่สกุลเงินนี้ เทรดเดอร์ที่วิเคราะห์ได้ว่าเป็นแนวโน้มขาลงมักจะมองหาโอกาสในการขาย โดยหวังว่าจะได้กำไรจากราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
    Chart patterns: downtrend
    • แนวโน้มที่ไม่มีทิศทางที่แน่นอนเกิดขึ้นเมื่อราคาคู่สกุลเงินเคลื่อนไหวในช่วงที่ค่อนข้างแคบ โดยไม่มีทิศทางขึ้นหรือลงที่ชัดเจน ในตลาดประเภทนี้ เทรดเดอร์มักจะมองหาโอกาสซื้อ (Buy) ที่ช่วงราคาต่ำ (บริเวณแนวรับสำคัญ – Key Support) และขายที่ช่วงราคาสูง (บริเวณแนวต้านสำคัญ – Key Resistance) โดยหวังว่าจะได้กำไรจากความผันผวนของราคา
    Chart Patterns: Sideways trend

    หัวและไหล่ (Head and Shoulders)

    ในการเทรด forex “หัวและไหล่ – Head and Shoulders” เป็นศัพท์ที่ใช้อธิบายรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคยอดนิยม รูปแบบนี้มักใช้เพื่อคาดการณ์การกลับตัวของแนวโน้มขาลงของราคาคู่สกุลเงิน

    รูปแบบ “หัวและไหล่” เป็นรูปแบบต่อเนื่องประเภทหนึ่ง ซึ่งหมายความว่ามักจะเกิดขึ้นในช่วงกลางของแนวโน้มขนาดใหญ่ ในกรณีของแนวโน้มขาลง รูปแบบ “หัวและไหล่” มักจะก่อตัวขึ้นหลังจากที่ราคาลดลงอย่างมาก ตามด้วยแนวโน้มขาขึ้นในช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะกลับสู่แนวโน้มขาลงโดยรวม

    รูปแบบนี้มีลักษณะเป็นสามยอด โดยยอดตรงกลางเป็นยอดสูงสุด ยอดด้านข้างทั้งสองเรียกว่า “ไหล่” ในขณะที่ยอดตรงกลางเรียกว่า “หัว” เส้นคอของรูปแบบนี้เกิดจากการลากเส้นเชื่อมจุดที่ต่ำสุดสองจุดระหว่างไหล่และหัว

    รูปแบบต่อเนื่องขาขึ้นเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุเส้นคอ จากการศึกษารูปแบบกราฟหุ้นและหากระบุรูปแบบเหล่านี้ เทรดเดอร์มักจะใช้จุดนี้เป็นสัญญาณในการซื้อคู่สกุลเงิน โดยคาดหวังว่าราคาจะขึ้นต่อ โดยทั่วไป รูปแบบจะได้รับการยืนยันเมื่อราคาสูงขึ้นเหนือจุดสูงสุดของยอดตรงกลาง

    เทรดเดอร์จำนวนมากใช้กราฟราคาเพื่อระบุรูปแบบ เช่น รูปแบบ “หัวและไหล่” เมื่อศึกษารูปแบบกราฟหุ้นและระบุรูปแบบเหล่านี้ เทรดเดอร์จะสามารถเข้าใจสภาวะตลาดในปัจจุบันได้ดีขึ้น และตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลได้ว่าเมื่อใดควรซื้อหรือขายคู่สกุลเงิน

    ดับเบิลท็อป (Double Top)

    รูปแบบดับเบิลท็อปเป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟที่พบได้บ่อยที่สุดในการเทรด forex รูปแบบนี้เป็นรูปแบบการกลับตัวเป็นขาลง (Bearish Reversal Pattern) ซึ่งส่งสัญญาณถึงการสิ้นสุดแนวโน้มขาขึ้นและเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาลง เทรดเดอร์ใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุโอกาสในการขายที่เป็นไปได้

    ในรูปแบบดับเบิลท็อป กราฟราคาจะสร้างยอดสองยอดซึ่งมีความสูงเท่ากันโดยประมาณ ยอดแรกเกิดขึ้นในช่วงขาขึ้น ตามด้วยการย่อตัวลงชั่วคราว (Pullback) ยอดที่สองเกิดขึ้นเมื่อราคาพยายามทำจุดสูงสุดใหม่แต่ล้มเหลว ทำให้เกิดเป็นแนวต้าน (Resistance Level)

    เมื่อยอดที่สองก่อตัวขึ้น ราคามักจะเริ่มขยับลง ทะลุระดับแนวรับ (Support Level) ที่ตั้งไว้ระหว่างการย่อตัว นี่เป็นสัญญาณการสิ้นสุดของแนวโน้มขาขึ้นและเป็นจุดเริ่มต้นแนวโน้มขาลงครั้งใหม่

    เทรดเดอร์สามารถระบุรูปแบบดับเบิลท็อปได้โดยการมองหายอดสองยอดที่ราคามีการย่อตัวตรงกลาง ราคาควรย่อตัวอย่างน้อย 10-20% จากจุดสูงสุด เมื่อยอดที่สองก่อตัวขึ้น เทรดเดอร์สามารถเข้าสู่สถานะขายโดยมีจุดตัดขาดทุนเหนือยอดที่สอง

    ดับเบิลบอททอม (Double Bottom)

    รูปแบบดับเบิลบอททอม (Double Bottom) เป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟการกลับตัวที่ได้รับความนิยมมากที่เทรดเดอร์ forex นิยมใช้มากที่สุด รูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาของคู่สกุลเงินร่วงลงไปที่ระดับแนวรับ เด้งกลับขึ้น จากนั้นตกลงอีกครั้งเพื่อทดสอบระดับแนวรับเดิม หากระดับแนวรับยังคงอยู่และราคาดีดตัวขึ้นอีกครั้ง สร้างรูปตัว “W” บนกราฟ เทรดเดอร์อาจตีความสิ่งนี้ว่าเป็นสัญญาณขาขึ้น

    รูปแบบดับเบิลบอททอมถือเป็นรูปแบบการกลับตัวเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal Pattern) เนื่องจากเป็นสัญญาณว่าคู่สกุลเงินได้ร่วงถึงจุดต่ำสุดแล้วและอาจเริ่มมีแนวโน้มขาขึ้น เทรดเดอร์ forex มักจะใช้รูปแบบนี้เพื่อระบุโอกาสในการซื้อที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากคาดว่าราคาอาจยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปหลังจากที่เด้งจากระดับแนวรับเป็นครั้งที่สอง

    สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าถึงแม้รูปแบบดับเบิลบอททอมจะเป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟในการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เทรดเดอร์ควรใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคและตัวบ่งชี้อื่นๆ เพื่อยืนยันความถูกต้องของสัญญาณ เทรดเดอร์อาจต้องการพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น สภาวะตลาดและเหตุการณ์ข่าวที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาของคู่สกุลเงิน

    รูปแบบ Rounding Bottom

    ในการเทรด รูปแบบกราฟมักจะใช้เพื่อระบุการเคลื่อนไหวของราคาที่เป็นไปได้และทำการตัดสินใจเทรด หนึ่งในนั้นคือรูปแบบ Rounding Bottom หรือที่เรียกว่า ก้นจานหรือก้นชาม

    รูปแบบ Rounding Bottom เป็นรูปแบบกราฟกลับตัวที่เกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง ซึ่งดูคล้ายกับชามหรือรูปตัว “U” และบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปได้ในแนวโน้มที่เกิดขึ้น รูปแบบนี้เกิดจากการที่ราคาค่อยๆ ลดลง ตามมาด้วยการรวมฐานราคาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่ราคาจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

    เทรดเดอร์มักจะใช้รูปแบบนี้เพื่อคาดการณ์พฤติกรรมราคาในอนาคต เนื่องจากรูปแบบจานหงายบ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงอาจกำลังจะสิ้นสุดลงและแนวโน้มขาขึ้นใหม่อาจกำลังเริ่มต้นขึ้น ซึ่งเปิดโอกาสให้เทรดเดอร์เข้าสู่สถานะซื้อ และเทรดไปตามแนวโน้มขาขึ้นใหม่ได้

    สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่า แม้รูปแบบจานหงายจะเป็นตัวบ่งชี้ที่เชื่อถือได้ แต่ไม่ควรพึ่งพารูปแบบนี้เพียงอย่างเดียว เทรดเดอร์ควรพิจารณาปัจจัยอื่นๆ รวมด้วย เช่น ระดับแนวรับและแนวต้าน ตลอดจนความเชื่อมั่นตลาดอยู่เสมอก่อนตัดสินใจเทรด

    Chart Patterns: Rounding Bottom

    รูปแบบถ้วยและด้ามจับ (Cup and Handle)

    นักวิเคราะห์ทางเทคนิคใช้รูปแบบกราฟที่หลากหลายเพื่อวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาและทำนายแนวโน้มของตลาดในอนาคต รูปแบบหนึ่งที่นิยมคือรูปแบบ Cup and Handle ซึ่งเป็นรูปแบบราคาต่อเนื่องที่เป็นที่นิยม

    รูปแบบ Cup and Handle มีลักษณะเเป็นรูปแบบถ้วยในกราฟราคา ตามด้วยรูปแบบด้ามจับที่มีขนาดเล็กกว่า รูปแบบส่วนถ้วยแสดงราคาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ตามด้วยการลดลงเล็กน้อยก่อนที่ส่วนด้ามจับจะเริ่มขึ้น

    เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มองหารูปแบบนี้เนื่องจากรูปแบบนี้บ่งบอกถึงความต่อเนื่องของแนวโน้มราคาก่อนหน้า ตัวอย่างเช่น หากรูปแบบถ้วยกาแฟเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น แสดงว่าราคาจะยังคงขึ้นต่อหลังจากส่วนด้ามจับเสร็จสมบูรณ์

    เพื่อยืนยันรูปแบบ เทรดเดอร์มักจะมองหาการทะลุกรอบเหนือระดับแนวต้านที่เกิดขึ้นจากด้านบนของถ้วย เมื่อราคาทะลุระดับนี้ จะถือเป็นสัญญาณให้ซื้อและถือสกุลเงิน โดยคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มขึ้นอีก

    Chart Patterns: Cup and Handle

    เวดจ์แพทเทิร์น (Wedge Patterns)

    รูปแบบเวดจ์แพทเทิร์นเป็นหนึ่งในรูปแบบกราฟที่ใช้บ่อยที่สุดในการวิเคราะห์ทางเทคนิค รูปแบบเวดจ์แพทเทิร์นสร้างขึ้นโดยการวาดเส้นแนวโน้มสองเส้น เส้นหนึ่งเชื่อมระหว่างจุดสูงสุดที่ต่ำกว่า และอีกเส้นที่เชื่อมจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่า เส้นแนวโน้มเบนเข้าหากัน เกิดเป็นรูปร่างคล้ายลิ่มบนกราฟ

    เวดจ์แพทเทิร์นเป็นตัวบ่งชี้ที่ได้รับความนิยมในหมู่เทรดเดอร์ forex เนื่องจากเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าแนวโน้มขาลงมีแนวโน้มที่จะกลับตัว เมื่อราคาทะลุออกจากเวดจ์แพทเทิร์น โดยทั่วไปจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นตลาด โดยมีผู้ซื้อเป็นผู้ควบคุมตลาด

    เทรดเดอร์มักจะมองหาเวดจ์แพทเทิร์น 2 ประเภท: เวดจ์แพทเทิร์นชี้ขึ้นและเวดจ์แพทเทิร์นชี้ลง เวดแพทเทิร์นชี้ขึ้นเกิดขึ้นเมื่อราคารวมฐานระหว่างเส้นแนวโน้มที่ลาดขึ้นสองเส้น ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดกำลังสูญเสียโมเมนตัมและมีโอกาสกลับตัว ในทางกลับกัน เวดจ์แพทเทิร์นชี้ลงเกิดขึ้นเมื่อราคารวมฐานระหว่างเส้นแนวโน้มที่ลาดลงสองเส้น ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดมีแนวโน้มที่จะกลับตัวเป็นแนวโน้มขาลง

    Chart patterns: Fallen Wedge

    รูปแบบชายธงหรือธง (Pennant or Flags)

    ในการเทรด รูปแบบชายธงหรือธงเป็นรูปแบบกราฟยอดนิยมที่เทรดเดอร์ใช้ในการระบุแนวโน้มกลับตัวหรือไปต่อ รูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาของสินทรัพย์สร้างฐานหลังจากการเคลื่อนไหวที่แข็งแกร่งในแนวโน้มที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดสามเหลี่ยมสมมาตรขนาดเล็กที่ดูเหมือนชายธงหรือธง

    รูปแบบชายธงหรือธงเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ที่เทรดเดอร์ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของแนวโน้มตลาด เมื่อรูปแบบนี้ปรากฏบนกราฟ แสดงว่ามีการหยุดชั่วคราวหรือการรวมฐานในตลาด ก่อนที่ราคาจะดำเนินต่อในทิศทางเดิมแนวโน้มที่เกิดขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง รูปแบบนี้เป็นรูปแบบต่อเนื่อง

    เทรดเดอร์สามารถใช้รูปแบบชายธงหรือธงเพื่อเข้าสู่ตลาดเมื่อราคาทะลุออกจากโซนราคารวมฐาน โดยทั่วไป การทะลุกรอบจะเกิดขึ้นในทิศทางของแนวโน้มที่กำลังเกิดขึ้น เป็นการส่งสัญญาณว่าแนวโน้มน่าจะดำเนินต่อไป

    ในทางกลับกัน ราคาที่ทะลุกรอบรูปแบบไปไม่ได้อาจเป็นสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราคาทะลุออกจากรูปแบบในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มที่เกิดขึ้น บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงความเชื่อมั่นของตลาด

    Chart Patterns: Flag and Pennant Patterns

    รูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้น (Ascending Triangle)

    รูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้นเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ใช้กันทั่วไปในการเทรด forex ซึ่งช่วยให้เทรดเดอร์ตัดสินใจโดยอิงจากข้อมูลได้ว่าเมื่อใดควรเข้าหรือออกจากการเทรด รูปแบบขาขึ้นนี้เกิดขึ้นเมื่อราคาของคู่สกุลเงินขยับขึ้นและอยู่ในกรอบเส้นแนวโน้มสองเส้น ได้แก่ เส้นแนวต้านแนวนอน และเส้นแนวรับที่เพิ่มระดับขึ้น

    ในการระบุรูปแบบสามเหลี่ยมขาขึ้น เทรดเดอร์ต้องมองหาชุดของจุดต่ำสุดที่สูงขึ้นที่เกิดเป็นเส้นแนวรับ และเส้นแนวต้านแนวนอนที่ราคาลงไปแตะหลายครั้งแต่ไม่ทะลุผ่าน ในขณะที่ราคายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและเข้าใกล้ระดับแนวต้าน เทรดเดอร์มักมองหาการทะลุกรอบเหนือเส้นแนวต้านเป็นสัญญาณในการเข้าสู่สถานะซื้อ (Long Position)

    แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องจำไว้ว่าการทะลุกรอบอาจไม่ได้เกิดขึ้นเสมอไป และราคาอาจทะลุเส้นแนวรับได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการเทขาย เทรดเดอร์ตัวบ่งชี้อื่นๆ ประกอบด้วย และทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเทรด

    รูปแบบสามเหลี่ยมขาลง (Descending Triangle)

    รูปแบบสามเหลี่ยมขาลงเป็นรูปแบบกราฟขาลงที่เกิดขึ้นเมื่อราคาของคู่สกุลเงินแตะระดับแนวรับหลายครั้ง เกิดเป็นเส้นแนวรับแนวนอน ในขณะที่ราคาสูงสุดของคู่สกุลเงินสร้างเส้นแนวโน้มที่ลาดลง รูปแบบขาลงนี้บ่งชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในภาวะขาลง (Bearish Trend) และราคาอาจตกลงต่อไป

    เทรดเดอร์มักมองหาจุดที่ราคาจะทะลุต่ำกว่าระดับแนวรับ ซึ่งจะยืนยันแนวโน้มขาลงและส่งสัญญาณถึงโอกาสที่เป็นไปได้ในการขายคู่สกุลเงิน ราคาเป้าหมายสำหรับรูปแบบนี้มักจะคำนวณโดยการวัดความสูงของรูปสามเหลี่ยมจากจุดสูงสุดไปยังแนวรับและคาดการณ์ระยะทางนั้นลงจากจุดที่ราคาทะลุกรอบ

    สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าสามเหลี่ยมขาลงไม่ใช่แนวโน้มขาลงเสมอไป และเทรดเดอร์ควรใช้ตัวบ่งชี้และเทคนิคการวิเคราะห์อื่นๆ เพื่อยืนยันการตัดสินใจเทรดเสมอ

    สามเหลี่ยมสมมาตร (Symmetrical Triangle)

    รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตรคือรูปแบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ปรากฏบนกราฟราคาในตลาด forex รูปแบบนี้เรียกว่าสามเหลี่ยม “สมมาตร” เนื่องจากมีแนวโน้มสองเส้นที่เกิดจากของจุดต่ำสุด (Higher low) ที่ยกสูงขึ้นและจุดสูงสุด (Lower High) ที่ลดต่ำลงเบนเข้าหากัน ทำให้สามเหลี่ยมมีรูปร่างสมมาตร

    รูปแบบดังกล่าวมักเกิดขึ้นในช่วงระยะรวมฐานในตลาดที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีการเคลื่อนไหวในตลาดเท่าๆ กัน ซึ่งส่งผลให้เกิดจุดต่ำสุดที่ยกสูงขึ้นและจุดสูงสุดที่ลดลง เนื่องจากราคาแกว่งไปมาระหว่างระดับแนวรับและแนวต้าน ขณะที่รูปแบบนี้ก่อตัวขึ้น เส้นแนวโน้มจะค่อยๆ เบนเข้าหากัน บ่งชี้ว่าราคาอาจทะลุกรอบเร็วๆ นี้

    เมื่อราคาเคลื่อนที่ทะลุกรอบแนวรับหรือแนวต้าน (Breakout) ทิศทางมักจะเป็นไปตามแนวโน้มที่มีอยู่ก่อนการเกิดรูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตร ตัวอย่างเช่น หากราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นก่อนที่จะเกิดรูปสามเหลี่ยมสมมาตร ราคาอาจจะทะลุกรอบเป็นแนวโน้มขาขึ้น ในทางกลับกัน หากราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง ราคาอาจจะทะลุกรอบเป็นแนวโน้มขาลง

    เทรดเดอร์สามารถใช้รูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตรเพื่อช่วยระบุโอกาสในการเทรดที่เป็นไปได้ พวกเขาอาจรอให้เกิดการทะลุกรอบราคา (Breakout) แล้วจึงเข้าสู่การเทรดในทิศทางของการทะลุกรอบราคา พวกเขาอาจใช้ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคหรือการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ เพื่อยืนยันการตัดสินใจเทรด

    สิ่งสำคัญคือต้องสังเกตว่ารูปแบบสามเหลี่ยมสมมาตรไม่ได้ส่งผลให้เกิดการทะลุกรอบราคา (Breakout) เสมอไป และราคาอาจจะทะลุกรอบได้ไม่สำเร็จ เทรดเดอร์ควรใช้เทคนิคการจัดการความเสี่ยงเพื่อปกป้องเงินทุน และจัดการการเทรดของตนให้สอดคล้องกัน

    Chart Patterns: Symmetrical Triangle
    เปิดเมนูสืบค้นเนื้อหา
    เปิดเมนูสืบค้นเนื้อหา

    พร้อมเริ่มต้นเทรดหรือยัง

    บทความที่เกี่ยวข้อง
    rotator.png

    เรากำลังพาท่านไปสู่ Hantec Trader ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเรา

    โปรดทราบว่า Hantec Trader ไม่รองรับลูกค้าจากสหรัฐอเมริกาหรือประเทศที่ถูกจำกัดอื่นๆ