CFDs are complex instruments and come with a high risk of losing money rapidly due to leverage. 66% of retail investor accounts lose money when trading CFDs with this provider.

You should consider whether you understand how CFDs work and whether you can afford to take the high risk of losing your money.

Please be advised that our Client Portal is scheduled for essential maintenance this weekend from market close Friday 16th February, 2024, and should be back up and running before markets open on Sunday 18th February, 2024.

เรายินดีที่จะแจ้งให้ทราบว่าเรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการอัปเดต Client Portal เพื่อมุ่งเน้นที่จะปรับปรุงประสบการณ์ของคุณกับเรา
Client Portal จะไม่พร้อมให้คุณใช้งานตั้งแต่ตลาดปิดใน วันศุกร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2567 และควรสำรองข้อมูลและทำงานก่อนตลาดเปิดให้บริการใน วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567

CFDs are complex instruments and come with a high risk of losing money rapidly due to leverage. 66% of retail investor accounts lose money when trading CFDs with this provider.

You should consider whether you understand how CFDs work and whether you can afford to take the high risk of losing your money.

Search
Close this search box.

กลยุทธ์การกำหนดขนาดออเดอร์ (Position Sizing) และการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ที่ดีที่สุด

เข้าใจถึงตำแหน่งสูงและตำแหน่งต่ำ และวิธีกำหนดขนาดตำแหน่งที่เป็นไปตามโอกาสที่เป็นไปได้และความอดทนของตนเองในการขาดทุน

เขียนโดย Aaron Akwu, Head of Education Hantec Markets

สารบัญ
    Add a header to begin generating the table of contents

    การกำหนดขนาดออเดอร์ (Position Sizing) เป็นส่วนสำคัญของการซื้อขายฟอเร็กซ์ที่มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้น หมายถึงกระบวนการกำหนดจำนวนหน่วยหรือล็อตที่เหมาะสมที่สุดเพื่อซื้อขายในคู่สกุลเงินหนึ่งๆ ตามปัจจัยต่างๆ เช่น เงินทุนในการซื้อขาย ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และสภาวะตลาด

    ขนาดออเดอร์ที่เหมาะสมเกี่ยวข้องกับการหาความสมดุลระหว่างการจัดสรรสัดส่วนในการซื้อขายให้เพียงพอต่อเงินทุนในการเทรดของคุณเพื่อใช้ประโยชน์จากผลกำไรที่อาจเกิดขึ้น ทั้งยังลดความเสี่ยงของการขาดทุนที่มีนัยสำคัญให้เหลือน้อยที่สุด ด้วยการใช้กลยุทธ์การกำหนดขนาดออเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ เทรดเดอร์สามารถปกป้องเงินลงทุน เพิ่มประสิทธิภาพการซื้อขาย และรักษาความสม่ำเสมอในแนวทางการซื้อขายของพวกเขา

    เพื่อแสดงแนวคิดของกลยุทธ์การกำหนดขนาดออเดอร์ ลองพิจารณาตัวอย่าง ลองนึกภาพเทรดเดอร์ฟอเร็กซ์ที่มีทุนสำหรับการเทรด $10,000 ตัดสินใจเสี่ยง 2% ของเงินทุนในการเทรดเพียงครั้งเดียว ในกรณีนี้ ความเสี่ยงในการเทรดถูกกำหนดเป็น 2% ของ $10,000 ซึ่งเท่ากับ $200

    ตอนนี้ สมมติว่าเทรดเดอร์ต้องการเปิดสถานะ Buy/Long ซึ่งคาดว่าราคาของสินทรัพย์จะปรับตัวสูงขึ้น ในคู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งกำลังซื้อขายอยู่ที่ 1.2000 หลังจากดำเนินการวิเคราะห์ทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานแล้ว เทรดเดอร์ระบุจุดเข้าที่เป็นไปได้ที่ราคา 1.1950 โดยมีระดับหยุดการขาดทุนที่ราคา 1.1900

    ในการคำนวณขนาดออเดอร์ที่เหมาะสม เทรดเดอร์จำเป็นต้องบริหารความเสี่ยงสำหรับการเทรดและการคำนวณส่วนต่างระหว่างราคาเข้าซื้อขายและระดับการหยุดขาดทุน (Stop Loss) แต่ละครั้ง ในตัวอย่างนี้ ผลต่างคือ 50 pips (1.1950 – 1.1900) กรณีนี้เมื่อทำการซื้อขายจะยอมเสี่ยงที่ $200 เพราะฉะนั้นเขาหรือเธอจึงต้องกำหนดขนาดล็อตให้เหมาะสมเพื่อรองรับความเสี่ยงนั้นๆ

    โดยยึดตามขนาดออเดอร์ที่เหมาะสม เทรดเดอร์จะมั่นใจได้ว่าพวกเขากำลังเสี่ยงในจำนวนเงินที่ได้กำหนดไว้ล่วงหน้าของเงินทุนในการซื้อขายของพวกเขาสำหรับการซื้อขายแต่ละครั้ง วิธีการนี้ช่วยให้พวกเขารักษาความสม่ำเสมอในการบริหารความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้พวกเขาสูญเสียเงินทุนมากเกินไปในการเทรดเพียงครั้งเดียว

    Position Sizing Strategy

    ขนาดล็อต (Lot Size) สำหรับการเปิดออเดอร์เทรด

    การทำความเข้าใจของขนาดล็อตประเภทต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจัดการความเสี่ยง (Managing Risk) และกำหนดขนาดออเดอร์ (Position Sizing) ในบัญชีเทรด ในบริบทนี้ เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะพิจารณากลยุทธ์การเทรดของตนอย่างรอบคอบและการยอมรับความเสี่ยงเพื่อเลือกขนาดล็อตที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเทรดของพวกเขา

    มีขนาดล็อตหลัก 3 ประเภทที่ใช้กันทั่วไปในการซื้อขายฟอเร็กซ์ ได้แก่ ล็อตมาตรฐาน ล็อตขนาดเล็ก และไมโครล็อต ลองสำรวจตัวอย่างแต่ละประเภทเพื่อทำความเข้าใจความสำคัญเรื่องเหล่านี้ได้ดีขึ้น:

    1. ล็อตมาตรฐาน (Standard Lots): ล็อตมาตรฐานเท่ากับ 100,000 หน่วยของสกุลเงินหลักในคู่สกุลเงิน ตัวอย่างเช่น หากคุณซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยที่เงินยูโรเป็นสกุลเงินหลัก หนึ่งล็อตมาตรฐานจะเทียบเท่ากับ 100,000 ยูโร ในกรณีนี้ สมมติว่าคุณมีบัญชีเทรดที่มียอดคงเหลือ $50,000 ด้วยกลยุทธ์การซื้อขายที่อนุญาตให้ใช้ล็อตมาตรฐาน คุณสามารถดำเนินการซื้อขายมูลค่า $100,000 ในปริมาณสกุลเงินหลัก สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าโดยปกติแล้วล็อตมาตรฐานจะถูกใช้โดยเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มากกว่า เนื่องจากต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและเงินทุนการซื้อขายที่มากกว่า
    2. มินิล็อต (Mini Lots): มินิล็อตเท่ากับ 10,000 หน่วยของสกุลเงินหลักในคู่สกุลเงิน โดยใช้ตัวอย่างเดียวกับข้างต้น หากคุณซื้อขายคู่สกุลเงิน EUR/USD ด้วยมินิล็อต การซื้อขายแต่ละครั้งจะเท่ากับ 10,000 ยูโร ในสถานการณ์สมมตินี้ ด้วยบัญชีเทรด $50,000 คุณสามารถเทรดได้มากถึง $20,000 ในปริมาณสกุลเงินหลักต่อการเทรด มินิล็อตมักเป็นที่ชื่นชอบของเทรดเดอร์ที่ต้องการเพิ่มประสบการณ์ในตลาดฟอเร็กซ์หรือผู้ที่มีบัญชีเทรดขนาดเล็ก
    3. ไมโครล็อต (Micro Lots): ไมโครล็อตคือขนาดล็อตที่เล็กที่สุดที่สามารถซื้อขายได้และเท่ากับ 1,000 หน่วยของสกุลเงินหลัก ต่อเนื่องจากตัวอย่าง EUR/USD การซื้อขายด้วยไมโครล็อตหมายความว่าการซื้อขายแต่ละครั้งจะเทียบเท่ากับ 1,000 ยูโร ด้วยบัญชีเทรด $50,000 คุณสามารถเทรดได้มากถึง $2,000 ในปริมาณสกุลเงินหลักโดยใช้ไมโครล็อต ไมโครล็อตเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักเทรดผู้เริ่มต้นหรือเทรดเดอร์ที่มีเงินทุนจำกัด เนื่องจากช่วยให้สามารถกำหนดขนาดออเดอร์ และการจัดการความเสี่ยงได้ละเอียดยิ่งขึ้น

    ความสำคัญของการกำหนดขนาดออเดอร์ต่อเทรดเดอร์

    การกำหนดขนาดออเดอร์ในการเทรดฟอเร็กซ์มีความสำคัญซึ่งไม่ได้กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด การจัดการขนาดออเดอร์ของคุณอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบรรลุผลสำเร็จในระยะยาวและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ต่อไปนี้เป็นประเด็นสำคัญที่เน้นความสำคัญของขนาดออเดอร์:

    1. การลดความเสี่ยง (Minimizing Risk): การกำหนดขนาดออเดอร์ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถควบคุมปริมาณความเสี่ยงที่พวกเขาเผชิญในการเทรดแต่ละครั้ง ด้วยการกำหนดเปอร์เซ็นต์คงที่ของทุนการเทรดของคุณที่จะเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง คุณจะมั่นใจได้ว่าไม่มีการซื้อขายใดๆ ที่มีปัจจัยหรือเหตุการณ์ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ วิธีการนี้ช่วยปกป้องเงินทุนของคุณและป้องกันการสูญเสียอย่างรุนแรง
    2. ความสม่ำเสมอในการบริหารความเสี่ยง (Consistency in Risk Management): Position sizing ให้แนวทางที่เป็นระบบในการบริหารความเสี่ยง แทนที่จะจัดสรรเงินทุนในจำนวนที่แตกต่างกันไปสำหรับกับการเทรดแบบส่งเดช วิธีเปอร์เซ็นต์คงที่ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสม่ำเสมอ ช่วยให้คุณประเมินความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้ และใช้หลักการจัดการความเสี่ยงเดียวกันกับการเทรดทั้งหมดของคุณ
    3. การป้องกันความผันผวนของตลาด (Protecting Against Market Volatility): การซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องกับความผันผวนอย่างแท้จริง ขนาดออเดอร์มีบทบาทสำคัญในการปกป้องบัญชีเทรดของคุณจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่คาดคิด คุณสามารถปรับขนาดสถานะของคุณตามความผันผวนของตลาดที่อาจเกิดขึ้น โดยพิจารณาตามความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
    4. การเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรให้สูงสุด (Maximizing Profit Potential): ขนาดออเดอร์ที่เหมาะสมยังสามารถเพิ่มศักยภาพในการทำกำไรของคุณได้อีกด้วย หากคุณการจัดการขนาดออเดอร์อย่างระมัดระวัง คุณจะมั่นใจได้ว่าการเทรดของคุณมีโอกาสที่จะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า การหาสมดุลระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำกำไรในระยะยาว
    5. เทียบได้กับการเทรดหุ้น (Comparable to Trading Stocks): การปรับขนาดออเดอร์ (Position sizing) ในการซื้อขายฟอเร็กซ์นั้นคล้ายกับการจัดการออเดอร์ในตลาดหุ้นหรือตราสารทางการเงินอื่นๆ มันเกี่ยวข้องกับการกำหนดจำนวนเงินทุนที่เหมาะสมเพื่อจัดสรรให้กับการซื้อขายแต่ละครั้ง โดยคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดบัญชี การยอมรับความเสี่ยง และสภาวะตลาด การใช้เทคนิคการปรับขนาดตำแหน่งที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากการเทรดหุ้นสามารถเป็นประโยชน์ในตลาดฟอเร็กซ์ได้เช่นกัน

    วิธีการวางแผนการออกออเดอร์ในฐานะเทรดเดอร์

    เมื่อพูดถึงเทคนิคการกำหนดขนาดออเดอร์ในตลาดฟอเร็กซ์ มีหลายวิธีที่คุณสามารถพิจารณาได้ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีประโยชน์และข้อควรพิจารณาที่แตกต่างกันไป ลองสำรวจเทคนิคที่ใช้กันทั่วไป:

    1. ค่าเงินดอลลาร์คงที่ (Fixed Dollar Value):

    วิธีหนึ่งในการกำหนดขนาดออเดอร์คือการใช้ค่าเงินดอลลาร์คงที่ เทคนิคนี้เกี่ยวข้องกับการกำหนดจำนวนเงินที่คุณยินดีเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง จากการจัดสรรจำนวนเงินทุนที่ถูกกำหนดไว้ คุณสามารถตั้งค่าขนาดออเดอร์ตามระดับการหยุดขาดทุนและจำนวนเงินสูงสุดที่คุณยินดีจะสูญเสีย ตัวอย่างเช่น หากคุณมีความเสี่ยงสูงสุดที่ $500 ต่อการเทรดและ Stop Loss ของคุณคือ 50 Pips คุณสามารถคำนวณขนาดออเดอร์เพื่อให้แน่ใจว่าการขยับ 50 Pips จะทำให้สูญเสียสูงสุดที่ $500 วิธีนี้ช่วยให้มีความสม่ำเสมอในการจัดการความเสี่ยงและให้ความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับความเสี่ยงสูงสุดของคุณ

    1. วามเสี่ยงเป็นเปอร์เซ็นต์คงที่ต่อการเทรด (Fixed Percentage Risk per Trade):

    อีกหนึ่งเทคนิคที่ได้รับความนิยมคือการใช้ความเสี่ยงเป็นการกำหนดเปอร์เซ็นต์คงที่ต่อการเทรด ด้วยแนวทางนี้ คุณจะกำหนดเปอร์เซ็นต์ (%) การเทรดต่อทุนที่คุณยินดีเสี่ยงในการเทรดแต่ละครั้ง ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจที่จะเสี่ยง 2% ของเงินทุนในการเทรดของคุณในการเทรดหนึ่งครั้ง คุณสามารถคำนวณขนาดออเดอร์ตามระยะหยุดการขาดทุนและเปอร์เซ็นต์ความเสี่ยง วิธีนี้ช่วยให้มั่นใจว่าขนาดออเดอร์จะปรับตามสัดส่วนของขนาดบัญชีเทรดของคุณ ช่วยให้คุณรักษาการจัดการความเสี่ยงที่สม่ำเสมอโดยไม่คำนึงถึงความเฉพาะเจาะจงของการเทรด

    1. มูลค่าขนาดสัญญา (Contract Size Value):

    ขนาดออเดอร์ยังสามารถขึ้นอยู่กับมูลค่าขนาดสัญญาในตลาดฟอเร็กซ์ คู่สกุลเงินที่แตกต่างกันมีขนาดสัญญาที่แตกต่างกัน ซึ่งแสดงถึงจำนวนเงินของสกุลเงินหลักที่มีการซื้อขาย เมื่อพิจารณาขนาดของสัญญา คุณสามารถคำนวณขนาดออเดอร์ตามความเสี่ยงที่ต้องการต่อการเทรด ตัวอย่างเช่น หากคุณต้องการเสี่ยง $1,000 ในการซื้อขายและขนาดสัญญาสำหรับคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขายคือ 100,000 หน่วย คุณสามารถคำนวณขนาดออเดอร์ที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ระดับความเสี่ยงที่คุณต้องการ เทคนิคนี้ช่วยให้เกิดความยืดหยุ่นในคู่สกุลเงินต่างๆ และขนาดสัญญาที่เกี่ยวข้อง

    1. เลเวอเรจ (Leverage):

    เลเวอเรจเป็นส่วนสำคัญของการเทรดฟอเร็กซ์ และอาจส่งผลต่อขนาดออเดอร์ของคุณ Leverage ยังหมายถึงการยืมเงินจากโบรกเกอร์เพื่อขยายขนาดการซื้อขายของคุณ แม้ว่าเลเวอเรจจะสามารถเพิ่มผลกำไรได้ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงได้ด้วยเช่นกัน เมื่อรวมเลเวอเรจเข้ากับกลยุทธ์การปรับขนาดออเดอร์ของคุณ สิ่งสำคัญคือพิจารณาเลเวอเรจสูงสุดที่มีและการยอมรับความเสี่ยงของคุณเป็นสิ่งสำคัญ ด้วยการปรับขนาดออเดอร์ตามเลเวอเรจที่ใช้ คุณสามารถจัดการความเสี่ยงของคุณได้อย่างปลอดภัยและควรหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจที่มากเกินจำเป็น

     

    Leverage in Forex
    1. หลักเกณฑ์ของเคลลี่ (Kelly Criterion):

    หลักเกณฑ์ของเคลลี่ (Kelly Criterion) เป็นเทคนิคการกำหนดขนาดของการออกออเดอร์ที่พิจารณาความน่าจะเป็นจากอัตราส่วนความสำเร็จและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อความเสี่ยงของการเทรดแต่ละครั้ง โดยมีสูตรทางคณิตศาสตร์เพื่อคำนวณขนาดออเดอร์ที่เหมาะสมที่สุดตามปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ สูตรนี้คำนึงถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับจากการเทรดและความน่าจะเป็นที่จะเทรดชนะ ช่วยให้เพิ่มการเติบโตในระยะยาวของคุณ อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าเกณฑ์ของ Kelly บางครั้งสามารถแนะนำขนาดออเดอร์ที่ใหญ่กว่าที่เทรดเดอร์จำนวนมากพอใจ ดังนั้นจึงควรใช้วิธีแบบเศษส่วนของ Kelly เพื่อลดความเสี่ยงสูงสุดที่อาจเกิดขึ้น

    Kelly % = W – [(1-W)/R]

    โดยที่ K คือเปอร์เซ็นต์เงินทุนของนักลงทุนในการเทรด W คือความน่าจะเป็นของผลตอบแทนที่ดี และ R คืออัตราส่วนของการชนะโดยเฉลี่ยต่อการแพ้โดยเฉลี่ย

    วิธีกำหนดขนาดออเดอร์

    การคำนวณขนาดออเดอร์ในตลาดฟอเร็กซ์เป็นส่วนสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยง และอาจส่งผลต่อความสำเร็จในการเทรดของคุณอย่างมาก การกำหนดขนาดออเดอร์ที่เหมาะสมทำให้คุณสามารถควบคุมความเสี่ยงและเพิ่มผลกำไรของคุณที่อาจเกิดขึ้นได้ มาดูวิธีคำนวณขนาดออเดอร์ในตลาดฟอเร็กซ์กัน โดยใช้วิธีการกำหนด “Random Position Size” ในเนื้อหา

    สำหรับขนาดออเดอร์โดยทั่วไปจะคำนวณตามปัจจัยหลัก 3 ประการ ได้แก่ ยอดเงินในบัญชี (Account Balance) เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยง (Risk Percentage) และระยะห่างระหว่างราคาเข้าและระดับหยุดการขาดทุน เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงเป็นการตัดสินใจส่วนบุคคลที่สะท้อนถึงจำนวนเงินทุนสูงสุดที่คุณยินดีจะเสี่ยงในการซื้อขายแต่ละครั้ง สมมติว่าคุณตัดสินใจเสี่ยง 2% ของยอดเงินในบัญชีต่อการเทรด 1 ครั้ง

    ในการคำนวณขนาดออเดอร์ คุณสามารถใช้สูตรต่อไปนี้:

    ขนาดออเดอร์ (Position Size) = (เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงของ * ยอดเงินคงเหลือในบัญชี) / (ระยะห่างระหว่าง Stop Loss * Pip Value)

    ลองพิจารณาตัวอย่างเพื่ออธิบายแนวคิดนี้ สมมติว่ายอดเงินในบัญชีของคุณคือ $10,000 และคุณยินดีรับความเสี่ยง 2% ($200) ในการเทรดนี้ คุณตัดสินใจซื้อคู่สกุลเงิน EUR/USD ที่ 1.2000 และตั้งค่า Stop Loss ของคุณที่ 1.1950 ส่งผลให้เกิดระยะห่าง 50 pips

    ในการคำนวณมูลค่า pip คุณต้องทราบขนาด pip ของคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขาย สมมติว่ามูลค่า pip สำหรับคู่ EUR/USD คือ $10 สำหรับล็อตมาตรฐาน (100,000 หน่วย)

    เมื่อใช้สูตรนี้ ขนาดออเดอร์ (Position Size) จะเป็น:

    ขนาดออเดอร์ = ($10,000 * 0.02) / (50 * $10)

    ขนาดออเดอร์ = $200 / $500

    ขนาดออเดอร์ = 0.4 ล็อตมาตรฐาน (Standard Lots)

    ในตัวอย่างนี้ ขนาดออเดอร์ที่เหมาะสมสำหรับการซื้อขายนี้คือ 0.4 ล็อตมาตรฐาน โดยใช้วิธีการกำหนด “Random Position Size”

    โปรดทราบว่าการคำนวณขนาดออเดอร์อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับการยอมรับความเสี่ยงและกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ นอกจากนี้ โบรกเกอร์ที่แตกต่างกันอาจมีขนาดล็อตหรือตัวเลือกเลเวอเรจเฉพาะ ดังนั้นอย่าลืมปรับสูตรการคำนวณให้เหมาะสม

    โดยการคำนวณขนาดออเดอร์ (Position Size) ของคุณ ขึ้นอยู่กับการยอมรับความเสี่ยงและระยะทางไปยังระดับการหยุดการขาดทุน (Stop-Loss Level)  ของคุณ คุณสามารถจัดการความเสี่ยงในตลาดฟอเร็กซ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งนี้ช่วยให้คุณรักษาความสม่ำเสมอในแนวทางการเทรดของคุณ และปกป้องเงินทุนของคุณได้ดียิ่งขึ้น ในขณะที่มุ่งมั่นเพื่อทำกำไรจากการซื้อขาย

    วิธีการลดความเสี่ยงโดยใช้กลยุทธ์ Position Sizing

    ขนาดออเดอร์ (Position Sizing) เกี่ยวข้องกับการกำหนดปริมาณความเสี่ยงที่เหมาะสมที่คุณรับได้ในการเทรดแต่ละครั้ง โดยพิจารณาจากขนาดบัญชีของคุณ การยอมรับความเสี่ยง และลักษณะเฉพาะของการเทรด

    คุณต้องพิจารณาปัจจัยต่อไปนี้:

    1. ขนาดบัญชี (Account Size): ประเมินขนาดบัญชีทั้งหมดของคุณและตัดสินใจว่าคุณสบายใจที่จะเสี่ยงมากน้อยเพียงใดในการซื้อขายครั้งเดียว โดยทั่วไปแนะนำให้เสี่ยงเพียงเล็กน้อยในบัญชีของคุณ เช่น 1-2% เพื่อป้องกันจากการขาดทุนเป็นจำนวนมากที่อาจเกิดขึ้น
    2. ตำแหน่ง Stop Loss: การกำหนดออเดอร์ของคำสั่ง Stop Loss ของคุณ ซึ่งเป็นระดับที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าซึ่งคุณจะออกจากการซื้อขายหากคำสั่งนั้นสวนทางกับคุณ การวาง Stop Loss ที่ดีสามารถจำกัดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นและช่วยให้คุณรักษาระดับความสี่ยงได้อย่างปลอดภัย
    3. ความผันผวนและคู่สกุลเงิน (Volatility and Currency Pair): พิจารณาความผันผวนของคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขาย คู่เงินที่มีความผันผวนมากขึ้นจำเป็นต้องใช้ขนาดออเดอร์ที่เล็กลงเพื่อรักษาระดับความเสี่ยงที่ปลอดภัย ตัวชี้วัดการเคลื่อนไหวเฉลี่ยของช่วงราคาที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอดีต (Average True Range – ATR) และตัวบ่งชี้ความผันผวนอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจ
    4. อัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทน (Risk-Reward Ratio): ประเมินอัตราส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่เป็นไปได้ของการซื้อขายแต่ละครั้ง อัตราส่วนที่สูงขึ้นหมายความว่าคุณอาจได้รับความเสี่ยงลดน้อยลงเพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น ควรตั้งเป้าหมายในการเทรดด้วยอัตราส่วนความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำกำไรในขณะที่พยายามรักษาความเสี่ยงไว้
    5. ความถี่ในการเทรด (Trade Frequency): กำหนดจำนวนการซื้อขายที่คุณวางแผนที่จะเทรดพร้อมกันหรือภายในกรอบเวลาที่แน่นอน หากคุณซื้อขายหลายตำแหน่งพร้อมกัน ให้ปรับขนาดออเดอร์ (Position Size) สำหรับการซื้อขายแต่ละครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าความเสี่ยงโดยรวมของคุณยังคงอยู่ในขีดจำกัดความปลอดภัยที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    เปิดเมนูสืบค้นเนื้อหา
    เปิดเมนูสืบค้นเนื้อหา

    พร้อมเริ่มต้นเทรดหรือยัง

    rotator.png

    เรากำลังพาท่านไปสู่ Hantec Trader ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของเรา

    โปรดทราบว่า Hantec Trader ไม่รองรับลูกค้าจากสหรัฐอเมริกาหรือประเทศที่ถูกจำกัดอื่นๆ

    Line-website.png